U=U (ยูเท่ากับยู) (Undetectable= Untransmittable) เป็นข้อเท็จจริงที่ว่าการทานยาต้านไวรัสฯ อย่างต่อเนื่องเกิน 6 เดือนขึ้นไปในสูตรที่เหมาะสมและได้ตามมาตรฐาน ยาต้านไวรัสฯ จะช่วยควบคุมและกดเชื้อเอชไอวีในเลือดให้มีจำนวนต่ำที่สุดต่ำกว่า 50 copies/cc คือ มีไวรัสเอชไอวีในเลือดน้อยและนานที่สุด จนไม่สามารถตรวจหาเชื้อเจอ (Undetectable) เท่ากับว่าไม่สามารถส่งต่อเชื้อเอชไอวีให้ใครได้อีก (Untransmittable) ซึ่งในกรณีของเพศสัมพันธ์  มีข้อมูลวิจัยยืนยันว่า ถ้าไวรัลโหลดต่ำกว่า 200 copies/cc ก็ไม่สามารถส่งต่อเชื้อให้กับคู่ได้แล้ว*

เหตุผลของการรณรงค์สื่อสารเรื่อง U=U

ต้องการให้ทั้งกลุ่มผู้ติดเชื้อฯ และสังคมได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเอชไอวีได้อย่างมั่นใจ เป็นการลดการตีตราและลดอคติทางสังคมในการเลือกปฏิบัติต่อกันอันเนื่องมาจากเอชไอวี

กล่าวคือถ้าเป็นในกลุ่มที่เป็นผู้ติดเชื้อฯ โดยเฉพาะในคู่ผลเลือดต่าง (บวกกับลบ) ที่ต้องการมีลูก หรือคนที่ยังไม่ตัดสินใจบอกผลเลือดกับคู่ คนที่เลือกที่จะไม่ใช้ถุงยางอนามัย หรือคนที่ไม่สามารถใช้ถุงยางอนามัยกับคู่ได้ทุกครั้งนั้น จะช่วยลดความไม่สบายใจ ความกังวลใจ ความรู้สึกผิด เลิกโทษตัวเอง หรือลดการตีตราภายในตัวเองว่า ‘เราอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คู่ติดเชื้อหรือไม่??’ เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่เราเข้าถึงการรักษาได้เร็วและได้รับยาต้านไวรัสฯ อย่างต่อเนื่อง การส่งต่อเชื้อให้คนอื่นคือ “ไม่มี”

ที่สำคัญยังทำให้ผู้ติดเชื้อฯ รู้เป้าหมายและมีแรงจูงใจในการกินยาต้านไวรัสฯ เพราะมองเห็นทางเลือกเพิ่มมาอีกหนึ่งทางเลือกในการป้องกันคู่ไม่ให้รับเชื้อเอชไอวี นอกเหนือไปจากการกินยาป้องกันเพร็พ (PrEP) ยาเป๊ป (PEP) รวมไปถึงการใช้ถุงยางอนามัย

สำหรับสังคมทั่วไป U=U จะช่วยจัดการกับอคติล้าหลังที่มองว่าผู้ติดเชื้อฯ น่ารังเกียจ ไม่น่าอยู่ร่วมด้วย หรือเป็นอันตรายกับคนรอบข้างจนนำไปสู่การเลือกปฏิบัติหลายอย่างที่ทำให้ผู้ติดเชื้อฯ ถูกลดทอนคุณค่าและศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ โดย U=U จะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการปลดล็อกการตีตราและช่วยส่งเสริมการอยู่ร่วมกันในสังคมได้ เพราะเมื่อผู้ติดเชื้อฯ ได้รับยาอย่างต่อเนื่องทำให้เชื้อเอชไอวีในเลือดลดลงจนร่างกายแข็งแรง ไม่ป่วยง่ายก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะกีดกันผู้ติดเชื้อฯ ไม่ให้เรียน ทำงาน มีคู่ มีลูก มีครอบครัว ฯลฯ ได้อีก เรียกได้ว่า “สามารถใช้ชีวิตไม่แตกต่างจากคนที่ไม่มีเชื้อเอชไอวี” และยังมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อีกด้วย

นอกจากนี้ U=U ยังช่วยให้คนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงได้มีโอกาสประเมินตนเองและมีความกล้าเข้าไปรับการตรวจเลือดเพื่อหาการติดเชื้อเอชไอวีได้ง่ายขึ้น เพราะถ้าตรวจเจอจะได้เข้าสู่ระบบการดูแลรักษาทันที โอกาสป่วยด้วยโรคฉวยโอกาสแทบเป็นศูนย์

ส่วนเรื่องเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยในด้านอื่น ๆ เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ท้องไม่พร้อม ฯลฯ ถุงยางอนามัยก็ยังเป็นเครื่องมือในการป้องกันซึ่งไม่ใช่แค่ผู้ติดเชื้อ แต่ต้องขีดเส้นใต้ว่าเป็นเรื่องของ “ทุกคน” ไม่ว่าจะติดเชื้อเอชไอวี ไม่ติดเชื้อ หรือไม่ทราบสถานะของผลเลือดตัวเองก็ต้องให้ความสนใจร่วมกัน

* อ่านข้อมูลเชิงวิชาการเรื่อง U=U ที่สภากาชาดได้ทำการศึกษาผลการวิจัยได้ที่ https://redcross.or.th/news/information/9847/